top of page
ค้นหา

สาเหตุที่ทำให้ลูกค้าทักแล้วไม่ซื้อ และวิธีแก้ปัญหานี้ให้ได้จริง ๆ

ติน่าขอพูดแบบตรงไปตรงมาเลยนะ

ปัญหายอดขายของคุณ…

ไม่ใช่สินค้า ไม่ใช่ราคา และไม่ใช่คู่แข่ง


มันคือ "การผัดวันประกันพรุ่ง"

ไม่ใช่การผัดวันประกันพรุ่งของคุณนะ

มันคือการผัดวันประกันพุ่งของลูกค้า


นี่แหละ "มะเร็งร้าย" ของการตลาด

และมันกำลังฆ่ายอดขายของคุณ

อย่างเงียบ ๆ

เลวร้ายมากกว่าคำว่า “แพงเกินไป”

หรือ “ไม่มีงบ” รวมกันเสียอีก


ต่อให้คุณทำคอนเทนท์ได้เฉียบขนาดไหน

เขียนโพสท์ขาย ทำ Offer โดนใจลูกค้า

ลด แลก แจก แถม แบบคุ้มสุด ๆ

แต่ลูกค้าก็ยังบอกว่า “ขอคิดดูก่อน”

ซึ่งความหมายที่แท้จริงของคำ ๆ นี้

คือ คุณปล่อยลูกค้า "หลุดมือ" ไปแล้ว


แต่ไม่ใช่เพราะเขาไม่ชอบสินค้าของคุณนะ

ตรงกันข้ามเลย

หลายคนอาจจะชอบมากด้วยซ้ำ

แต่ทำไมเขาก็ยังไม่ซื้อ

นั่นเป็นเพราะ

“การลงมือทำ” คือ สิ่งที่ยากที่สุด

ที่เราจะขอจากใครสักคนได้


และถ้าคุณไม่เข้าใจเรื่องนี้อย่างลึกซึ้ง

คุณจะเสียลูกค้าที่ควรจะได้ไปเรื่อย ๆ

เพราะฉะนั้น เรามาดูกันให้ชัด ๆ เลยดีกว่า

ว่าสาเหตุเกิดจากอะไร

แล้วเราจะแก้ไขปัญหานี้ได้ยังไง


เหตุผลที่ลูกค้าของคุณยังผัดวันประกันพรุ่ง

ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าควรซื้อตั้งแต่เมื่อวานแล้ว ได้แก่

  • เขารู้ว่าสินค้าของคุณดี และเมคเซนส์ที่ควรจะซื้อตอนนี้ แต่มันยังไม่เมคเซนส์พอสำหรับตัวเขาเอง

  • เขาเคยเจ็บปวด หรือเคยโดนหลอกมาก่อน ทำเสียงในหัวคอยตะโกนบอกว่า “ระวังตัวไว้!”

  • เขาไม่ได้สงสัยว่าสินค้าของคุณใช้ได้ผลจริงไหม แต่สงสัยว่ามันจะใช้ได้ผลกับตัวเขาไหม

  • เขาคิดว่าตัวเองต้องมีข้อมูลรายละเอียดมากกว่านี้ ก็เลยเอาสินค้าไปเปรียบเทียบกับร้านอื่น (แล้วไม่กลับมาอีกเลย)

  • เขาบอกว่าอยากได้ผลลัพธ์เร็ว ๆ แต่ลึก ๆ แล้ว ไม่อยากเสียเงิน

  • เขาโทษเศรษฐกิจ โทษการเมือง หรือ โทษ“ชีวิตที่ยังไม่แน่นอน” เป็นข้ออ้างในการรอให้ตัวเองพร้อม ซึ่งเป็นการรอคอยที่ไม่มีอยู่จริง


แต่ที่น่ากลัวกว่านั้น คือ

ต่อให้คุณรับมือได้กับทุกข้อโต้แย้ง

เขาก็ยังไม่ซื้อ


เพราะข้อโต้แย้งเหล่านั้น

ไม่มีเหตุผล ไม่มีตรรกะตั้งแต่แรก

มันคือ “อารมณ์”

มันเป็นเรื่อง “ส่วนตัว” ล้วน ๆ

และบ่อยครั้ง

มันฝังลึกอยู่ในจิตใต้สำนึกเลยด้วย


คนส่วนใหญ่ไม่อยากขยับตัว

ไม่อยากเปลี่ยนแปลง ไม่อยากลงมือทำ

แต่อยากได้ผลลัพธ์ แบบไม่ต้องทำอะไรเลย

คนบางคนไม่รู้ตัวเองด้วยซ้ำว่า

ตัวเองเสพติดการ “ไม่ตัดสินใจ”


ถ้าคุณไม่รู้วิธีรับมือกับปัญหาเหล่านี้

ลูกค้าก็จะหลุดมือไปได้เรื่อย ๆ

แล้วเราควรทำยังไงดี?


เราต้อง “ตัดเหตุผลที่ทำให้เขาผัดวัน” ทิ้งไป

ตัดออกก่อนที่ลูกค้า

จะนึกถึงข้อแก้ตัวได้เสียอีก


สิ่งที่เราต้องทำ คือ

เราต้องกำจัดจุดลังเล

และเลิกคิดว่าหน้าที่ของเรา

คือ “การให้ข้อมูล”


หน้าที่ของคุณจริง ๆ คือ

การกระตุ้นให้ลูกค้าตัดสินใจเดี๋ยวนี้


ลองดูตัวอย่าง

ที่ปรึกษาทางการเงินเก่ง ๆ

จะไม่พูดแค่ว่า“โทรปรึกษาฟรี”

เพราะใคร ๆ ก็พูดแบบนี้

มันทำให้ไม่มีคนสนใจ


แต่ที่ปรึกษาทางการเงินเก่ง ๆ จะพูดว่า

"ถ้าวันนี้คุณเป็นอะไรไป

แฟนของคุณจะรู้ไหมว่า

เขาควรหันหน้าไปหาใคร?

คุณได้วางแผนทางการเงินไว้

ให้เขาอุ่นใจในวันข้างหน้าแล้วหรือยัง?”


คำถามแบบนี้

ไม่ใช่แค่เพิ่มความเร่งด่วน

แต่มัน “แทงใจ”

ทำให้คนต้องจินตนาการ

ถึงสิ่งที่ไม่อยากนึก

และ ลงมือทำทันที


ซึ่งคุณเองก็ทำได้เหมือนกัน

แต่ต้องลึกซึ้งกว่าคำว่า

“รีบหน่อย หมดเขตเร็ว ๆ นี้”

คุณจะต้องเจาะทะลุม่าน

แห่งความลังเลให้ได้


และอีกอย่างที่คนเข้าใจผิดกันเยอะ

คือคิดว่า ถ้าเป็นของฟรี คนจะรีบคว้าไว้

นี่คือความเชื่อที่ผิดมหันต์

ของฟรีไม่ได้แก้ปัญหาการลังเล

เหมือนกับธุรกิจบริการหลาย ๆ ธุรกิจ

ที่ชอบบอกว่าปรึกษาฟรี ขอใบเสนอราคาฟรี

คนไม่ได้ลังเลเพราะ “ราคา”

แต่เขากลัวความไม่แน่นอน

กลัวผิดหวัง ขี้เกียจตัดสินใจ ขี้เกียจขยับตัว

เพราะถึงจะฟรี ก็ยังต้องใช้แรงตัดสินใจอยู่ดี


นี่คือสาเหตุที่คนส่วนใหญ่ประเมินค่า

การทำให้คนอื่นลงมือทำ ต่ำเกินไป


ถ้าคุณขายของไม่ได้

อย่าเพิ่งตั้งคำถามว่า

“สินค้าแพงไปหรือเปล่า”

แต่ให้ตั้งคำถามว่า

  • คุณทำให้เขารู้สึกว่าสินค้ามัน สำคัญกับตัวเขาเอง ได้หรือยัง?

  • คุณตอบโจทย์ “อารมณ์” ที่แอบซ่อนอยู่หลังเหตุผลได้หรือเปล่า?

  • คุณให้เหตุผลชัด ๆ ว่าทำไมต้อง วันนี้  ไม่ใช่ “วันหลัง” ได้ไหม?

  • คุณกระตุ้นด้วยจิตวิทยามากพอที่จะต้านความกลัวได้หรือเปล่า?


พูดง่าย ๆ คือ

หน้าที่ของนักการตลาด

ไม่ใช่แค่ขายของ

แต่ต้อง “พังกำแพงแห่งความลังเล”

ของลูกค้าให้ได้


คุณต้องขาย “การตัดสินใจ”

ไม่ใช่แค่ “คุณค่าของสินค้า”

เพราะฉะนั้น คุณต้อง “เคารพ”

ศัตรูที่ชื่อว่า การผัดวันประกันพรุ่ง

รู้ทันมัน เตรียมรับมือตัดไฟตั้งแต่ต้นลม

แล้วบดขยี้มันให้แหลก


ถ้าคุณอยากเริ่มเปลี่ยนแปลงการตลาด

ในแบบที่ “ทำให้คนตัดสินใจได้จริง”

ติน่ามีหนังสือเซ็ตคู่ที่อยากส่งให้คุณตอนนี้

มันคือชุดเครื่องมือการตลาดออนไลน์

(Online Marketing Starter Kit)

ที่ครอบคลุมเนื้อหาที่ละเอียดที่สุด

เท่าที่ติน่าเคยทำมา


โดยเฉพาะสำหรับคนที่

ยังไม่คิดว่าตัวเองเป็นนักการตลาดเลยด้วยซ้ำ

นี่ไม่ใช่แค่หนังสืออีกเล่ม แต่มันคือคลังแสง

สำหรับคนที่เหนื่อยกับคำว่า “เดี๋ยวก่อน”

และอยากเปลี่ยน “ความลังเล” ให้กลายเป็น “ซื้อเลย”


เซ็ตคู่ Online Marketing Starter Kit

1) หนังสือ Smart Marketing | สูตรสำเร็จขายดีออนไลน์ ด้วยการตลาดอัจฉริยะ

2) หนังสือ วิธีที่ "คุณ" สามารถสร้างเงิน "วันละแสน" จากที่บ้านได้ โดยไม่ต้องออกแรง



ในเซ็ตหนังสือนี้ คุณจะได้เรียนรู้

  • 7 สาเหตุที่ทำให้การตลาดของคุณล้มเหลว และทำยังไงให้พลิกมาสำเร็จได้

  • 8 กฎเหล็กการตลาดที่ห้ามแหก - หลักการที่จะทำให้คุณมีลูกค้าไหลเข้ามาตลอด

  • สิ่งที่ลูกค้าต้องการจริง ๆ ที่ไม่ใช่แค่สินค้าคุณภาพดี (มันลึกซึ้งกว่านั้นเยอะ)




แถมฟรี! มินิคอร์สออนไลน์สำหรับมือใหม่หัดทำออนไลน์

  • มินิคอร์สสูตรลับขายออนไลน์ หาลูกค้าใหม่ได้ไม่รู้จบ มูลค่า 9,900 บาท

  • มินิคอร์สทำคอนเทนท์เป็น เห็นเงินล้าน เพิ่มคนติดตาม มูลค่า 1,099 บาท

  • มินิคอร์สหาตัวเองให้พบ แล้วจบที่เงินล้าน มูลค่า 1,099 บาท

  • มินิคอร์สสูตรลับทำคลิป 1,000,000 วิว มูลค่า 1,099 บาท


ทั้งหมดนี้ จากราคาเต็ม 19,447 บาท เหลือเพียง 1,750 บาทเท่านั้น

หรืออ่านหนังสือทั้งหมดแบบ Ebook ในราคา 1,550 บาท


นี่คือเซ็ทหนังสือการตลาด

ที่กระตุ้นการลงมือทำจริงๆ


แต่อย่ามัวแต่รอ

เพราะคำว่า “ไว้ทีหลัง” ไม่ได้สร้างธุรกิจ

คำว่า “เดี๋ยวเอาไว้ก่อน” ไม่ช่วยให้เงินเข้ากระเป๋า

คำว่า “ขอรอดูก่อน” ไม่ทำให้ธุรกิจคุณโต


ด้วยรักและความตั้งใจที่อยากให้คุณเพิ่มรายได้อย่างจริงจัง


ติน่าเอง

 
 

โพสต์ล่าสุด

ดูทั้งหมด
สิ่งที่ติน่าจะบอกต่อไปนี้ อาจทำให้คุณโกรธ...

เพราะมันจะขัดแย้งกับสิ่งที่คุณถูกสอนมาโดยตลอด จากผู้รู้หรือกูรูคนอื่น  ที่น่าแปลกใจคือ เจ้าของกิจการหลายคน อยากจะเชื่อสุดหัวใจว่ามันคือคว...

 
 
bottom of page