ความ "ล้มเหลว" หรือความยากจน ก็เหมือนโรคติดต่อ
- Tina Academy

- 20 ส.ค.
- ยาว 2 นาที
อัปเดตเมื่อ 22 ส.ค.
คนทั่วไปหวังว่า
ตัวเองจะได้เกษียณตอนอายุ 55
งานวิจัยหนึ่งในอเมริกาเผยว่า
คนส่วนใหญ่ยังต้องทำงานจนถึงอายุ 74
ในขณะที่อายุเฉลี่ยอยู่ที่ 72 - 76 ปี
ติน่ารู้สึกเศร้าทุกครั้ง
ที่เห็นคนอเมริกันอายุ 60 - 70 ปี
ยังต้องไปทำงานตามซุปเปอร์มาร์เก็ตอยู่
ซึ่งถ้ามองโลกในแง่ดี คือ เขาดูขยันจัง
อายุขนาดนี้แล้ว ยังทำงานอยู่เลย
แต่ในความเป็นจริง
ติน่าเคยลองไปถามว่า
ทำไมเขาถึงมาทำงานนี้
คำตอบนั้นไม่ใช่
❌ “นี่คือสิ่งที่ฉันอยากทำ”
หรือ ❌ “นี่คือสิ่งที่ฉันรัก”
แต่คำตอบคือ...
“เขาต้องทำ เพราะไม่มีทางเลือก
และถ้าเป็นไปได้ เขาอยากอยู่บ้านพักผ่อน
ได้ใช้เวลากับลูกหลานมากกว่า”
ในปี 1954
หน่วยงาน SSA ของรัฐบาลอเมริกา
เคยตีพิมพ์สถิติของคนที่ทำงาน
ตั้งแต่อายุ 20 - 65 ปี
เตรียมพร้อมที่จะเกษียณแล้ว
เขาพบเรื่องน่าเศร้าว่า...
มีเพียง 1% เท่านั้น
ที่เกษียณอย่างมั่งคั่งร่ำรวย
4% เกษียณแบบมีความมั่นคง
ทางการเงินระดับหนึ่ง
และอีก15% เกษียณแบบพออยู่ได้
อาจมีการพึ่งเงินจากครอบครัวหรือรัฐบ้าง
และอีกกว่า 80%
เกษียณตัวเองไม่ได้
เพราะไม่มีเงินเลย!
ซึ่งเวลาตอนนี้ ก็ผ่านมาหลายปีแล้ว
เราอาจคิดว่าสถิตินี้คงเปลี่ยนไป
คนน่าจะมีสถานะทางการเงินที่ดีขึ้นรึเปล่า
แต่เปล่าเลย สถิตินี้ไม่ได้ดีขึ้นเลย!
คนกลุ่ม 1% 4% และ 15%
ยังมีสถานะทางการเงินเหมือนเดิม
ในขณะที่คนกลุ่ม 80%
มีอยู่ประมาณ 15% จากคนกลุ่มนี้
สามารถผลักดันตัวเองให้เกษียณได้
ภายในอายุ 65 - 74 ปี
(ค่อยยังชั่ว!)
เพราะฉะนั้น ถ้าดูดี ๆ
ตอนนี้เราต้องใช้เวลาถึง 49 ปี
ในการเกษียณเลยนะ
ซึ่งลองคิดดูเล่น ๆ
ตั้งปี 1954 เป็นต้นมา
เรามีเทคโนโลยีที่ก้าวหน้า
และสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย
เราสามารถเข้าถึงข้อมูล
ความรู้ และการศึกษาได้ง่ายขึ้นมาก
แต่ก่อน ถ้าเราจะหาความรู้อะไรซักอย่าง
เราต้องเดินทางไปห้องสมุด หรือไม่ก็ร้านหนังสือ
แต่ทุกวันนี้ ความรู้มาอยู่บนหน้าจอมือถือ
เราจะเซิร์ชหาข้อมูลอะไรก็ได้
มันอยู่ใกล้แค่ปลายนิ้ว
รวมถึงช่องทางโซเชียลต่าง ๆ
แพลทฟอร์มขายของออนไลน์ต่าง ๆ
ที่ทำให้เราสร้างเงินได้
แบบไม่ต้องออกจากบ้านเลย
มันบังเอิญรึเปล่า?
ที่ยิ่งเทคโนโลยีแพร่หลาย
AI ก้าวหน้ามากขึ้นเท่าไหร่
คนก็ยิ่งขี้เกียจมากขึ้นเท่านั้น
ทำให้คนมีความสามารถน้อยลง
ความมุ่งมั่นที่อยากจะประสบความสำเร็จ
ก็น้อยลงตามไปด้วย
ในขณะที่เทคโนโลยีฉลาดขึ้นเรื่อย ๆ
คนก็โง่ลงเรื่อย ๆ เช่นกัน
ยกตัวอย่าง เช่น รถยนต์ไฟฟ้า
ที่สามารถนำทางเราได้ ขับเองได้
จนเราแทบไม่ต้องคิดอะไรเลยด้วยซ้ำ
ถ้ามองดูในหลาย ๆ มุม
เราอาจกำลังถอยหลังกลับ
ไม่ได้ก้าวหน้าขึ้นเลย
คุณจะหาว่าติน่าแรงก็ได้
แต่คุณอาจต้องกลับไปดู
ข้อมูลที่ติน่าให้คุณเมื่อกี้
ถ้าคุณจะแย้งหรือเพิกเฉยกับกฎธรรมชาติ
หลักฟิสิกส์ วิทยาศาสตร์ หรือ การเงิน
หรือแม้แต่กฎของเหตุและผลก็ได้
คุณสามารถทำได้ตามใจคุณเลย
แต่สิ่งเหล่านี้ เกิดขึ้นอย่างมีที่มาที่ไป
ไม่ได้เกิดขึ้นโดยบังเอิญ
ประเทศต่าง ๆ
ยังคงต่อสู้กับความยากจนไม่หยุด
ทั้ง ๆ ที่การสร้างตัวเอง
สู่อิสรภาพทางการเงินนั้น
สามารถทำได้ง่ายกว่า
และเข้าถึงง่ายกว่าทุกยุค ทุกสมัย
เปรียบเทียบกับในอดีตที่ผ่านมา
มันกลายมาเป็นแบบนี้ได้ยังไง?
ทำไม ทั้ง ๆ ที่มนุษย์เรา
มีเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าขนาดนี้
แต่สถานะทางการเงินของคนส่วนใหญ่
ไม่ได้ดีขึ้นเลย
ซึ่งติน่าก็พยายามหาคำตอบ
จนไปเจอบทความหนึ่ง
ของ Dan Kennedy
นักการตลาดในตำนานของโลก
เขาได้ให้คำตอบไว้อย่างลึกซึ้งว่า
คุณภาพทางความคิดของคนนั้นแย่ลง
คนส่วนใหญ่เอาแต่คิดหรือทำตามคนอื่น
คือคิดตาม ๆ คนอื่น ทำตาม ๆ คนอื่น
ทำให้เขาได้ผลลัพธ์เหมือนกับคนอื่น ๆ
(80% ที่เกษียณตัวเองไม่ได้ ก็คือคนส่วนใหญ่!)
ความคิดหรือการกระทำอะไรก็แล้วแต่
ที่เราเห็นคนส่วนใหญ่ทำ
เราต้องดึงตัวเองออกมาให้ได้
อย่าไปคล้อยตาม หรือทำตามพวกเขา
การใช้เทคโนโลยีและ AI ให้เป็นประโยชน์
เพื่อสร้างเงิน มากกว่า เสียเงิน
ต้องใช้ทักษะและความสามารถระดับหนึ่ง
อย่างที่เราเห็นในสถิติว่า
คนส่วนใหญ่ล้มเหลว ทำไม่สำเร็จ
มีเพียง 20% เท่านั้นที่เกษียณตัวเองได้
และมีความมั่นคงทางการเงิน
สำหรับติน่า ติน่าผ่านมันมาได้
โดยการเว้นระยะห่าง
กับการใช้โทรศัพท์ของตัวเอง
แล้วใช้เวลาหรือแรงของคนอื่น
หรือจะใช้ AI ก็ได้
ในการทำสิ่งที่ไม่จำเป็น
ต้องใช้ทักษะความสามารถของติน่า
ติน่าอยากให้คุณลองสังเกตตัวเองดี ๆ
ว่าคุณใช้เวลาอย่างไม่ค่อยได้คิด
นั่งปัดมือถือเพื่อดูสิ่งดูดพลังคุณไปเรื่อย ๆ
เสพติดสื่อต่าง ๆ
ปล่อยให้ออนไลน์
มาควบคุมการใช้ชีวิตคุณอยู่รึเปล่า
ตั้งสติให้ดี! คอยสังเกตตัวเอง
มีมั้ย ช่วงเวลาที่คุณรู้สึกว่า
ต้องหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู
ทั้ง ๆ ที่จริง ก็ไม่ได้มีอะไรต้องเช็คเลย
อย่าสับสนระหว่างการเล่นโซเชียลไปเรื่อย ๆ
กับการใช้โซเชียลสร้างความสำเร็จให้ตัวเอง
จงถามตัวเองในทุก ๆ วันที่เล่นโทรศัพท์
ว่าสิ่งที่เราทำอยู่
มันทำให้เงินในกระเป๋าเพิ่มขึ้นรึเปล่า
อย่าปล่อยให้ความกดดัน
จากเพื่อน หรือ คนรอบข้าง
ทำให้คุณรู้สึกว่า
คุณต้องฆ่าเวลาอยู่ในโซเชียลตลอดเวลา
ใจแข็งหน่อย!
เพราะความเสียหายที่ได้รับ
จากการปล่อยให้โซเชียลใช้คุณ
แทนที่คุณจะได้ใช้มัน มันไม่คุ้มกันเลย
เหมือนกับสถิติที่ติน่าโชว์ให้คุณดู
คนส่วนใหญ่ ยังต้องทำงานจนถึงอายุ 74
ในขณะที่อายุเฉลี่ยของเขาอยู่ที่ 72 - 76 ปี
(ทำงานเกือบตลอดชีวิต)
สิ่งนี้บอกได้ว่า
ใครก็ตามที่ขี้เกียจ
รอแต่จะพึ่งพาคนอื่น
ไม่อยากใช้ออนไลน์ทำงาน
สร้างความสำเร็จให้ตัวเอง
เพราะมันไม่ง่ายเหมือนการเปิดแอป
หรือไถดูโพสท์เรื่อยเปื่อยในมือถือ
คน ๆ นั้นอาจตกเป็นกลุ่มคน 80%
ที่ต้องทำงานไปตลอดชีวิต
ข่าวดี คือ...
แค่คุณทำตรงกันข้ามกับคนส่วนใหญ่
คุณก็จะไม่เป็นหนึ่งในคนกลุ่มนั้น
ต่อไปจากนี้
ช่องว่างระหว่างคนจนกับคนรวย
จะยิ่งกว้างขึ้น
คนชนชั้นกลางจะค่อย ๆ หายไป
และสิ่งนี้เกิดขึ้นเร็วมาก
คนรวยจะรวยแบบสุด ๆ
คนจนก็จะจนแบบสุด ๆ เช่นเดียวกัน
ซึ่งคุณสามารถเลือกได้ว่า
คุณจะเป็นคนกลุ่มไหน
เมื่อคุณรู้แล้ว
สังเกตตัวเองว่าทุกวันนี้
คุณใช้ออนไลน์
ทำให้ตัวเองก้าวไปข้างหน้ารึยัง
รัก
ติน่าเอง
