สิ่งที่มีค่ายิ่งกว่า "ทองคำ" ในยุคนี้

อาจไม่ใช่เงินหรือทรัพย์สิน

ในแบบที่คุณคิด

แม้แต่ความรู้ ก็ไม่ใช่เหมือนกัน

แต่มันคือความสามารถในการ

“ให้ความสนใจ”

กับเรื่องที่สำคัญในชีวิตจริง ๆ

เพราะจนกว่าเราจะ

สามารถควบคุมสติได้

จนกว่าเราจะเลิกสนใจ

สิ่งที่อยู่บนหน้าจอโทรศัพท์

แบบไม่รู้ตัวได้

แล้วกลับมามีสติ “เลือกทำ”

ในสิ่งที่สำคัญและมีประโยชน์จริง ๆ

เมื่อนั้น เราจะไม่ถูกยัดเยียดข้อมูลขยะ

ไม่ถูกห้อมล้อมไปด้วยข้อมูล 

ที่ไม่ทำให้ชีวิตเราดีขึ้นเลย

ตอนนี้ “ความสนใจ” 

ไม่ต่างจากสินค้าทั่วไป

ที่ถูกซื้อ ถูกขาย 

เหมือนเป็นสินค้าอุปโภคบริโภค

และคนที่สามารถ

ทำเงินมหาศาลได้จากสิ่งนี้

คือคนที่สามารถควบคุมสติ 

หรือ ความสนใจของตัวเอง

ได้มากกว่าคนอื่น

ถ้าเราสังเกตดูดี ๆ

ธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ

ไม่จำเป็นต้องได้ความสนใจจากคุณ

เพื่อขายของอีกต่อไปแล้ว

เพราะเขาสามารถนำความสนใจนั้น

ไปขายได้เลย

ยกตัวอย่าง

มาร์ค ซัคเกอร์เบิร์ก ที่ไม่เล่นเฟสบุ๊ค

(ขนาดพี่สาวของเขา

ยังเขียนหนังสือเตือนภัย

เกี่ยวกับการเสพติดเฟสบุ๊ค)

แต่ มาร์ค ทำให้คน

สนใจเฟสบุ๊คให้มากที่สุด

แล้วขายความสนใจของคนเป็นพันล้านคน

ให้กับพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ที่ยิงแอด

สิ่งนี้ทำให้เขากลายเป็น

หนึ่งในมหาเศรษฐี

ที่มีอายุน้อยที่สุดในโลก

หรือ CEO คนอื่น ๆ

ที่เป็นเจ้าของโซเชียลมีเดียต่าง ๆ

ไม่ว่าจะเป็นแอปสีฟ้า สีแดง หรือ ตต.

ก็ยังออกมายอมรับว่า

ตัวเองไม่ได้เล่นโซเชียลเยอะขนาดนั้น

และห้ามไม่ให้ลูกของตัวเองเล่นด้วย

คนรวยและมีอำนาจเหล่านี้

ขายของให้คนสมาธิสั้น

ไม่สามารถจดจ่อกับอะไรนาน ๆ ได้

เป็นคนประเภทที่ตรงกันข้ามกับตัวเอง

ซึ่งไม่ต่างอะไรกับเจ้าของคาสิโน

ที่ไม่เล่นการพนัน

ดูตัวอย่าง influencer ดัง ๆ ของไทย

ที่ลงคลิปเรื่อยเปื่อยไปทั่วโซเชียล

คลิปส่วนใหญ่ ออกจะไร้สาระด้วยซ้ำ

แต่พวกเขาสามารถสร้างรายได้ ๆ

มากกว่า 30 ล้านบาทต่อปี

ซึ่งเป็นการสร้างเงิน

จาก “ความสนใจ” ที่ได้รับจากคนดู

เป็นการสร้างเงิน จาก คนที่ไม่มีความสามารถ

ในการเลือกสิ่งที่สำคัญให้กับตัวเอง

ตอนที่ติน่าไปสัมมนากับเพื่อนหลายคน

ที่ทำธุรกิจเหมือนกัน

ซึ่งแต่ละคน มาจากทุกมุมโลก

ไม่ว่าจะเป็นอเมริกา แคนาดา

เยอรมัน อิตาลี สเปน

สิงคโปร์ อินโดนีเซีย มาเลเซีย

และ แต่ละคนก็มีธุรกิจ 8 - 9 หลักกันทั้งนั้น

มีช่วงหนึ่ง ระหว่างพักเบรค

เพื่อนคนหนึ่งของติน่า

หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นคลิปในยท.

เป็นคลิปน้องแมวสุดน่ารัก

แล้วเขาก็ชวนให้คนอื่น ๆ มาดู

ติน่าก็ชอบดูคลิปแมวเหมือนกัน

แต่มันมีต้องมีกาละเทศะไง

ว่าเราควรเล่นอะไร ที่ไหน เมื่อไหร่

เพราะเวลา 20 นาที

ที่เราใช้เล่นโทรศัพท์นั้น

เราสามารถใช้มันในการพูดคุย

หรือ เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ

จากคนสำเร็จคนอื่น ๆ

ที่มาร่วมสัมมนาได้

ยิ่งเราปล่อยให้ตัวเอง

หลุดเข้าไปอยู่ในโลกแบบนี้มากเท่าไหร่

มันก็ยิ่งยากที่จะดึงตัวเองออกมามากเท่านั้น

ยังไม่รวมแรงกดดันจากเพื่อน

สังคม หรือ คนรอบข้าง

ที่ทำให้เราเลิกสนใจสิ่งเหล่านี้ไม่ได้อีก

จนกว่าเราจะเมินโทรศัพท์

ทุกครั้งที่คนโทรเข้าได้

จนกว่าเราจะเมินโทรศัพท์ 

ไม่สนใจแจ้งเตือนที่เด้งขึ้นมาได้

จนกว่าเราจะเมินโทรศัพท์

ไม่ตอบข้อความ หรือ อีเมล

ที่ทำให้เรารู้สึกว่า

เราต้องกดเข้าไปดูในทันที

เข้าไปตอบทันที

หรือต้องไปกดไลค์ในทันทีได้

คนที่สามารถเมินสิ่งเหล่านี้ได้

เปลี่ยนจากผู้เสพ มาเป็นผู้สร้าง (คอนเทนท์)

เปลี่ยนจากผู้ซื้อ มาเป็นผู้ขาย (ในออนไลน์)

คือคนที่จะมีทรัพย์สินมากมาย

ที่มีค่ายิ่งกว่าทองคำ

และแม้ว่าธุรกิจของติน่า 

จะเป็นธุรกิจออนไลน์

ที่ต้องลงคอนเทนท์แทบทุกวัน 

แต่ติน่าใช้ “ระบบ” ที่ทำให้ตัวเอง 

มีคอนเทนท์ลงได้ทั้งเดือน

โดยใช้เวลาแค่ 2 ชม.ต่อเดือนเท่านั้น

เพราะจนกว่าคุณจะสร้าง “ระบบ” 

ที่ทำให้ตัวเอง

ไม่ต้องอยู่หน้าจอโทรศัพท์ตลอดเวลา 

ไม่ต้องทำงานตลอดเวลา 

คุณจะไม่มีวันได้สัมผัสกับสิ่งที่เรียกว่า 

“อิสรภาพ” และ “ความมั่งคั่ง” ที่แท้จริง

หันมาเลือกลงมือ “สร้าง” แทนที่จะ “เสพ”

ให้ตัวเองได้มีเงินและเวลาเหลือพอ 

ให้กับสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตนะคะ

รัก

ติน่าเอง