top of page
ค้นหา

เริ่มกลัว! นักพัฒนา AI จาก OpenAI และ Google DeepMind ทนไม่ไหว ออกมาเตือนความเสี่ยง AI ถึงขั้นอาจทำ ‘มนุษย์สูญพันธุ์’

  • รูปภาพนักเขียน: Tina Academy
    Tina Academy
  • 6 วันที่ผ่านมา
  • ยาว 1 นาที

สำนักข่าวเทคโนโลยีหลายแห่ง

รายงานว่า กลุ่มพนักงานปัจจุบัน

และอดีตพนักงานของ Google DeepMind

บริษัทพัฒนา AI ในเครือ Alphabet


รวมถึงพนักงานจาก OpenAI

ผู้สร้าง ChatGPT

ซึ่งมี Microsoft หนุนหลัง


ได้ร่วมกันออกจดหมาย

เปิดผนึกเมื่อวันที่ 4 มิถุนายน

แสดงความกังวลเกี่ยวกับ

ความเสี่ยงของ AI

ที่กำลังเติบโตเร็วเกินควบคุม


ไม่ใช่แค่คนในวงการเท่านั้น

บุคคลระดับโลกอย่าง บิล เกตส์, อีลอน มัสก์

รวมถึงนักวิทยาศาสตร์

ชื่อก้องโลกอย่าง สตีเฟน ฮอว์คิง

ก็เคยออกมาเตือนถึงภัยคุกคามของ AI เช่นกัน


บิล เกตส์เคยพูดไว้อย่างน่าสนใจว่า

“ธุรกิจของผมอยู่กับหุ่นยนต์และเครื่องจักรอัจฉริยะ สิ่งที่ผมห่วงคือ… หุ่นยนต์ที่เราคิดว่า ‘ฉลาด’ จริง ๆ แล้วอาจยังไม่ฉลาดพอ นั่นเป็นข้อดี เพราะเรายังควบคุมมันได้ แต่ในอีก 10 ปีข้างหน้า มันอาจฉลาดกว่าเดิมมาก”

อีลอน มัสก์ ก็เตือนในทำนองเดียวกันว่า

ความสามารถของ AI

อาจหลุดออกนอกเหนือการควบคุมมนุษย์


ส่วนสตีเฟน ฮอว์คิง ถึงขั้นกล่าวว่า

AI อาจเป็นจุดจบของมนุษยชาติได้



จากข่าวสู่คำถามสำคัญ “เราใช้ AI แบบไหนกันแน่?”


ข่าวนี้ ทำให้ติน่านึกถึงคำว่า “เครื่องทุ่นแรง”

  • เครื่องทุ่นแรงที่ “ทำแทนเรา”

  • เครื่องทุ่นแรงที่ “คิดแทนเรา”

  • เครื่องทุ่นแรงที่ “ตัดสินใจแทนเรา”


ตัวอย่างชัดที่สุดคือ รถยนต์ที่ใช้ AI

แค่ระบุจุดหมาย แล้วปล่อยให้มันขับไปเอง

ฟังดูสะดวกกว่า “คนขับรถ”

แต่ลองคิดดู…


ถ้าวันหนึ่ง AI ปฏิเสธไม่พาไปร้านขนม

เพราะ “กลัวเราจะอ้วน”

ไม่ให้แวะซื้อชานมเพราะ “มองว่าฟุ่มเฟือย”

หรือไม่พาไปช้อปปิ้ง เพราะ

“ประเมินว่าเป็นพฤติกรรมใช้เงินเกินจำเป็น”


นั่นคือจุดที่เครื่องทุ่นแรง

เริ่มตัดสินใจแทนมนุษย์

และนี่แหละคือสิ่งที่ผู้นำหลายคน

กำลังกังวล



ความจริงที่น่ากลัวกว่าความฉลาดของ AI คือ “นิสัยมนุษย์”


คนจำนวนมาก

โดยเฉพาะคนที่สับสนในชีวิต ขี้เกียจเรียนรู้

หรือไม่อยากรับผิดชอบอะไรเลย

มักพยายามหา “เครื่องทุ่นแรง”

มาคิดแทนและตัดสินใจแทน


คาเวตต์ โรเบิร์ท

ผู้ก่อตั้ง National Speakers Association (NSA)

เคยกล่าวไว้เมื่อกว่า 50 ปีก่อนว่า


“คนบางคนใช้ชีวิตแบบไร้จุดหมาย เดินถือสายสะดือส่ายไปมา เพื่อรอที่จะเอาไปเสียบกับคนที่จะมาดูแลตัวเอง”

ตอนนั้นเขาพูดถึง

คนที่ไม่อยากกำหนดชีวิตตัวเอง


แต่วันนี้ คำ ๆ นี้

กลายมาเป็นคำบรรยาย

ผู้นำบริษัทและเจ้าของกิจการบางคน

ที่อยากให้ AI คิดแทน

ตัดสินใจแทนทุกอย่าง

ซึ่ง AI ก็พร้อมรับหน้าที่นี้แบบเต็มใจ

แต่ผลลัพธ์ที่ได้ อาจโหดร้ายกว่าที่คิด



โลกกำลังถอยหลังแบบเงียบ ๆ


ทุกวันนี้ ร้านค้าหลายแห่ง

ให้ลูกค้าเลือกอีโมจิแทนการเขียนประเมิน

IKEA ถึงขั้นพัฒนาภาษาภาพ

ให้เป็นภาษาสากล

เหมือนมนุษย์ย้อนกลับไป

สื่อสารด้วยภาพบนผนังถ้ำ


ในขณะที่ AI วิ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว

เรียนรู้ภาษาใหม่ ๆ

คิด วิเคราะห์ เขียนโค้ด

จนบางครั้งฉลาดกว่าเราด้วยซ้ำ



หากคุณกลัว AI ติน่าจะบอกอะไรให้


สิ่งที่น่ากลัวกว่า AI คือ

การถูกทิ้งไว้ข้างหลัง

เพราะ “ตามไม่ทัน”


ไม่ว่าคุณจะชอบหรือไม่

AI เกิดขึ้นแล้ว

และมันจะอยู่กับเราไปอีกนาน


ทั้งบริษัทใหญ่ เอเจนซี่เล็ก ๆ

ไปจนถึงฟรีแลนซ์

ทุกคนใช้ AI เพื่อทำการตลาดออนไลน์

งานหลายงานจะหายไปจริง


ข่าวดีคือ AI ยังแทนเจ้าของกิจการไม่ได้

แต่คู่แข่งที่ใช้ AI เป็น…

แทนที่คุณได้แน่นอน


แม้ว่าสิ่งเหล่านี้ จะดูไม่ยุติธรรม

แต่มันคือสิ่งที่เราควบคุมไม่ได้

คนที่รอด คือคนที่ใส่พลังโฟกัส 100%

ไปในสิ่งที่ตัวเองควบคุมได้

นั่นคือ ตัวของเขาเอง



แล้วติน่าทำยังไง?


ติน่าสร้างรายได้ ๆ 7 หลักต่อเดือน

เพราะโฟกัสที่การพัฒนาตัวเองแบบ 100%

และหาวิธีสร้างรายได้ให้เร็วที่สุด


เพื่อไม่ว่าโลกจะเปลี่ยนไปแค่ไหน

ติน่าก็ยังมีชีวิตและไลฟ์สไตล์

ในแบบที่ตัวเองต้องการ


ติน่าเลือก “ไม่ยอม”

ให้ปัจจัยภายนอกมากำหนดชีวิต

ซึ่งมันก็​”สมเหตุสมผล” ที่สุดแล้ว


บทสรุป : วิธีเอาชนะความกลัวที่ดีที่สุด


ไม่ใช่การหนี

ไม่ใช่การต่อต้าน AI

ไม่ใช่การแกล้งทำเป็นว่าโลกไม่เปลี่ยน


แต่คือ…


การพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง

และหาวิธีแก้ปัญหาให้ได้อย่างถาวร


เพราะสุดท้าย

AI ไม่ได้น่ากลัวเท่ากับ

“การไม่พัฒนาตัวเองให้ทันโลก”


และคุณไม่จำเป็นต้องรับมือ

กับโลกยุคใหม่คนเดียว

ถ้าคุณพร้อมเรียนรู้

เราจะก้าวไปด้วยกัน 🩷


รัก


ติน่าเอง

 
 

โพสต์ล่าสุด

ดูทั้งหมด
ทำไม “ความเก่ง” ถึงทำให้คุณสำเร็จช้าลง แบบไม่รู้ตัว

ติน่าเป็นที่ปรึกษาให้กับ เจ้าของกิจการหลายคนมาก บางคนรายได้ 8 หลัก 9 หลัก แล้วสิ่งที่ทุกคนมีเหมือนกัน คืออะไรรู้มั้ย? คำตอบคือ … คนเหล่านี้ เก่งโคตร ๆ ในสิ่งที่ตัวเองทำ เขารู้หมด รู้ลึก รู้ทุกขั้นตอนใ

 
 
“ถ้าของคุณดี สินค้าจะขายตัวมันเอง”… บ้าแล้ว!!!

ถ้าคุณยังปลอบใจตัวเองแบบนี้อยู่ หยุดเดี๋ยวนี้เลย! เพราะถ้าสินค้ามันขายตัวมันเองได้จริง คุณก็ควรขายดีไปนานแล้ว ไม่ใช่เหรอ? และถ้าสินค้ามันขายตัวมันเองได้จริง คุณก็น่าจะนั่งสวย ๆ อยู่บ้าน ไม่ต้องมานั่งป

 
 
bottom of page