ลูกเราพร้อมแค่ไหน… ในวันที่ AI ไม่ใช่แค่เครื่องมือ แต่คือ “อุตสาหกรรมแห่งอนาคต”
- Tina Academy

- 23 ต.ค.
- ยาว 1 นาที
Microsoft เพิ่งปิดดีล
มูลค่ากว่า 5 แสนล้านบาท
กับโรงไฟฟ้านิวเคลียร์แห่งหนึ่ง
เพื่อจ่ายไฟให้ “AI Data Center”
ของตัวเองเต็มกำลัง

ในขณะเดียวกัน Elon Musk
ก็เปลี่ยนโรงงานเก่าในเมมฟิส
ให้กลายเป็น “Colossus”
ซูเปอร์คอมพิวเตอร์
ที่ใช้ GPU 200,000 ตัว
ภายในเวลา 122 วันเท่านั้น!
(ปกติต้องใช้เวลาสร้าง 1 - 2 ปี)
ซึ่ง Musk บอกว่าเป็น
“AI ที่ฉลาดที่สุดในโลกตอนนี้”
ประเด็นคือ
ไม่มีบริษัทไหนทุ่มเงินระดับนี้
หรือรีบสร้างโรงงานขนาดนี้
ถ้า AI เป็นแค่กระแส
แต่น่าเศร้าที่ข่าวระดับนี้
แทบไม่มีกระแสในไทย
ในขณะที่คนส่วนใหญ่
กำลังสนใจว่า
ใครทะเลาะกับแม่
ใครเป็นหนี้ใคร
ใครจะเลิกกับใคร
AI กลับกำลังกลืน
ระบบเศรษฐกิจทั้งโลก
ไปเงียบ ๆ
เพราะมันกำลังสะท้อนว่า
“โลกเปลี่ยนเร็วกว่าที่เราคิด”
และมีผลกระทบ
ต่อชีวิตของเราโดยตรง
คำถามสำคัญคือ…
ลูกเราพร้อมแค่ไหน
กับโลกที่กำลังเปลี่ยน
แบบถอนราก
ไม่กี่วันก่อน
หลาน ป.4 ของติน่า
ใช้ AI ช่วยออกแบบโพสท์ขายขนม
พอทำเสร็จ เขาเดินมาถามติน่าว่า
“หนูทำดีพอจะขายได้ไหม”
ติน่ารู้เลยทันที
เด็กแบบนี้แหละ
ที่จะโตไปในโลกใหม่
โดยไม่ต้องรอใคร
ไม่ต้องรอให้ระบบการศึกษาปูทาง
ไม่ต้องรอให้ครูมาบอก
เพราะเขากำลัง “ลงมือสร้าง”
ด้วยตัวเอง
ในขณะที่เด็กคนอื่น
ยังใช้มือถือแค่เล่นเกม
เด็กสมัยนี้ไม่ได้กลัวเทคโนโลยี
เขาแค่รอคนชี้ทาง
ว่าจะใช้มัน “เพื่อสร้าง” อะไรได้บ้าง
แต่ไม่ใช่เด็กทุกบ้าน
ที่มีพ่อแม่เป็นสายเทคโนโลยี
หรือเข้าใจโลก AI ได้ลึกพอ
จะอธิบายให้ลูกฟัง
มีพ่อแม่จำนวนมาก
ที่ไม่รู้ว่าจะเริ่มยังไง
ความเหลื่อมล้ำจึงเกิดขึ้น
ตั้งแต่ยังไม่ทันโต
ติน่ารู้ดี เพราะเคยอยู่ในจุดนั้น
ตอน ป.4 ก่อนสอบปลายภาค
เพื่อน ๆ ทุกคนกำลังขมักเขม้น
ทบทวนเนื้อหาที่เรียน
ก่อนเข้าห้องสอบ
แต่ติน่ากลับถูกเรียกไปห้องธุรการ
เพราะไม่มีเงินจ่ายค่าเทอม
ครูบอกว่า ถ้าไม่จ่าย
ติน่าจะไม่มีสิทธิ์สอบ
แล้วครูก็โทรเรียก
ให้แม่มาที่โรงเรียน
พอแม่มาถึงโรงเรียน
ก็ได้แต่อธิบายทั้งน้ำตา
ขอร้องให้ติน่าได้สอบ
เพราะอย่างน้อย
ติน่าจะได้เรียนจบป.4
ไปพร้อมเพื่อน
ติน่าจำได้ดี
ติน่านั่งร้องไห้กับแม่
ไม่ใช่เพราะแค่กลัวไม่ได้สอบ
แต่มันคือการรู้สึกที่ว่า
“ฉันไม่มีโอกาสเท่าคนอื่น”
วันนี้...
ลูกของเราอาจไม่ต้องเจอ
เหตุการณ์แบบเดียวกัน
แต่ถ้าเขาไม่รู้จักเครื่องมือ
ไม่รู้จักวิธีสร้างคุณค่าด้วย AI
วันหนึ่งเขาอาจอยู่ในโลกที่
“ไม่มีโอกาสให้เขา”
แบบที่เราเคยเจอมา
คำถาม คือ…
เราพร้อมเป็นคนชี้ทางนั้นหรือยัง
หรือเราจะรอให้ลูก
โตไปในโลกที่ขับเคลื่อนด้วย AI
โดยที่เขาแค่ “ใช้เป็น”
แต่ “สร้างอะไรไม่เป็นเลย”
เพราะโลกต่อจากนี้
ไม่ได้มีที่ยืนให้คนที่
แค่รู้จักเทคโนโลยี
แต่มันให้รางวัลกับคนที่
ใช้เทคโนโลยี “สร้างคุณค่า”
ได้จริงต่างหาก
และถ้าเรารู้แล้วว่าสิ่งนี้สำคัญ
ถ้าเรารู้ว่าโลกมันเปลี่ยนจริง
อย่ารอให้ลูกต้องวิ่งไล่ตามโอกาส
เหมือนที่เราเคยทำ
เพราะโลกข้างหน้า
ไม่ได้รอให้ลูกเราพร้อมก่อน
แต่มันจะเคลื่อนไปกับคนที่
“เริ่มใช้ AI เป็น” ตั้งแต่วันนี้
ถ้าเราช้ากว่าคนอื่นแค่ไม่กี่ปี
ลูกของเราจะต้องทำงาน
แข่งกับเพื่อนที่
“ใช้ AI ทำได้มากกว่า”
ไม่ได้แพ้แค่การบ้านที่โรงเรียน
แต่อาจแพ้ในสนามโอกาสชีวิตด้วย
ก็เป็นไปได้
ป.ล. ติน่าเรียนจบป.4 มาได้
เพราะมีแม่ของเพื่อนคนหนึ่ง
อาสาช่วยจ่ายค่าเทอม
ให้ติน่าหมดเลย
ติน่ายังจำวินาทีที่ผู้หญิงคนนั้น
ปรากฏตัวต่อหน้าติน่า
เธอใส่ชุดสีขาว
ที่ส่องประกายเป็นออร่า
มีใบหน้าที่ละมุนและอ่อนโยน
สำหรับติน่าในวัย 9 ขวบนั้น
เธอเดินเข้ามาหาติน่า
เหมือนเป็นนางฟ้าเลย
เหตุการณ์นั้น ทำให้ติน่า
ปฏิญาณกับตัวเองว่า
จะต้องตั้งใจเรียน
และโตไปเป็นคนรวย
เพื่อจะได้มีเงินช่วยเหลือคนอื่น
แบบที่ตัวเองเคยได้รับ
วันนี้บริษัทของติน่า
สร้างเงินได้หลักสิบล้านทุกปี
และติน่าบริจาค 1% ของกำไร
เป็นทุนการศึกษาให้กับเด็ก
ที่ขาดโอกาสมาโดยตลอด
ถ้าคุณเคยซื้ออะไรจากติน่า
ขอบคุณที่คุณคือส่วนหนึ่ง
ของโอกาสนั้นด้วยนะคะ 🩷
รัก
ติน่าเอง
